ลด 10% ทุกการรักษาสำหรับการเคลียร์ช่องปากยกเว้น จัดฟันฟันปลอม รากฟันเทียม และ รีเทนเนอร์ ตรวจฟันฟรี วางแผนจัดฟันฟรี
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสีของฟันที่ขาวสดใสนั้นมีผลต่อรอยยิ้มทำให้ดูสดใส น่ามอง ส่งเสริมความมั่นใจของเรา และดึงดูดผู้คนให้เข้าหา สร้างความประทับใจต่อผู้พบเห็นได้ไม่น้อยเลยใช่มั้ยคะ ด้วยเหตุนี้การฟอกสีฟันเพื่อคืนความสดใสให้รอยยิ้มจึงเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน
ฟอกสีฟันคืออะไร?
เป็นกระบวนการที่ช่วยทำให้ฟันที่เหลืองหรือหมองคล้ำกลับมามีสีขาวสดใสอีกครั้งด้วยน้ำยาชนิดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (hydrogen peroxide)และคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์(carbamide peroxide)
What is teeth whitening or teeth bleaching?
It is cosmetic dental procedure to brighten teeth and enhance your smile with peroxide-based bleaching agents such as hydrogen peroxide and carbamide peroxide.
ฟอกสีฟันอันตรายไหม? ทำลายเนื้อฟัน ทำให้ฟันบางลงรึเปล่า?
คงเป็นคำถามที่ทุกคนสงสัยนะคะว่าฟอกสีฟันเป็นการทำลายเนื้อฟันรึปล่าว หรือทำให้เนื้อฟันบางลงหรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบให้ค่ะ
น้ำยาฟอกสีฟันไม่ทำให้ฟันบางค่ะ ในส่วนนี้ต้องขออธิบายก่อนนะคะว่าฟันของเราประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆคือ ส่วนสารอนินทรีย์ (inorganic substance) ซึ่งคือส่วนโครงสร้างแข็งๆของตัวฟันนั่นเองค่ะ อีกส่วนหนึ่งคือ สารอินทรีย์ (organic substance) ซึ่งได้แก่พวกโปรตีนต่างๆที่ประกอบอยู่ในฟันเราค่ะ ส่วนของน้ำยาฟอกสีหันนั้นจะส่งผลต่อส่วนอินทรีย์ของฟันเท่านั้น และไม่สามารถกัดกร่อนส่วนสารอนินทรย์ได้จึงไม่ทำให้ฟันบางลงค่ะ อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่าน้ำยาฟอกสีฟันมีอันตรายต่อเหงือกและเยื่อบุช่องปากโดยรอบ เพราะส่วนประกอบหลักของเนื้อเยื่อช่องปากคือสารอินทรย์ค่ะ หากเนื้อเยื่อรอบช่องปากสัมผัสกับน้ำยาที่มีความเข้มข้นสูง หรือสัมผัสน้ำยาเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดอันตรายได้แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะเพราะในการฟอกสีฟันในคลินิกคุณหมอจะทำการป้องกันเหงือกและเนื้อเยื่อบุโดยรอบด้วยเครื่องมือพิเศษไม่ให้มีการสัมผัสกับน้ำยาค่ะ ดังนั้นไม่ควรซื้อน้ำยาที่มีความเข้มข้นสูงมาทำเองที่บ้านนะคะ
ฟอกสีฟันมีกี่ชนิด
การฟอกสีฟันนั้นแบ่งหลักได้เป็น 2 ชนิดค่ะ คือฟอกสีฟันที่คลินิก กับฟอกสีฟันที่บ้าน
1.ฟอกสีฟันที่คลินิกโดยทันตแพทย์ (in office bleaching or teeth whithening) วิธีการฟอกสีฟันวิธีนี้น้ำยาที่ใช้จะมีความเข้มข้นสูงจึงควรทำโดยทันตแพทย์เท่านั้น โดยวิธีนี้คุณหมอจะทำการป้องกันเหงือกและเนื้อเยื่อโดยรอบไม่ให้มีการสัมผัสกับน้ำยา และใช้แสงชนิด cool light เพื่อกระตุ้นการแตกตัวของน้ำยา ทำให้นายาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2.ฟอกสีฟันที่บ้าน(Home bleaching)
วิธีนี้คุณหมอจะทำการพิมพ์ปากเพื่อทำถาดฟอกสีฟันที่พอดีกับคนไข้แต่ละคน เพื่อให้มีการรั่วไหลของน้ำยาไม่ทำอันตรายต่อเหงือกและเยื่อบุช่องปาก ความเข้มข้นของน้ำยาที่ใช้จะไม่สูงเท่าแบบฟอกโดยทันตแพทย์ ฟันจะขาวขึ้นอย่างช้าๆ
Two main types of teeth whitening or teeth bleaching techniques are available
1.In-office or chair-side bleaching : High-concentration peroxide gel is used to whiten our teeth along with a bright light to hasten the breakdown process of peroxide. As a result the light enhance the lighthen procedure.
2.Home bleaching : For home bleaching, dentist will make you a custom-fitted tray to hold the bleaching agent. Then you can perform the bleaching at home by wearing the tray as recommended. The concentration of the bleaching agent for this technique is not so strong as the bleaching agent of In-office technique so your teeth will gradually lighten.
Pros and cons of each type of teeth whitening techniques
การฟอกสีฟันในคลินิกนั้นจะใช้น้ำยาที่ความเข้มข้นสูงกว่าแบบฟอกเองที่บ้านค่ะ คุณหมอจึงต้องใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อป้องกันเหงือกและเนื้อเยื่อบุโดยรอบไม่ให้ได้รับอันตรายจากน้ำยาค่ะ มาดูข้อดี-ข้อเสียของวิธีการฟอกสีฟันทั้ง 2 แบบกันนะคะ
ฟอกสีฟันในคลินิก
ข้อดี
1. ฟันขาวขึ้นทันทีหลังฟอกใช้เวลาเพียง 45-60 นาที
2. ไม่ทำอันตรายต่อเหงือกและเนื้อเยื่อโดยรอบ
3. ไม่ทำให้ฟันบางลง
ข้อเสีย
1. อาจมีอาการเสียวฟันเกิดขึ้นได้ระหว่างทำ และหลังฟอกสีฟัน แต่อาการจะดีขึ้นภายใน 1 อาทิตย์
2. ช่วงอาทิตย์แรกหลังฟอกสีฟันต้องระมัดระวังและหลีกเลี่ยงอาหารประเภท ชา กาแฟ หรือ อาหารที่มีสีจัด เชน แกงส้ม แกงเหลือง เพราะ สีของอาหารจะทำให้ฟันคล้ำและเหลืองขึ้นได้ง่าย
ฟอกสีฟันที่บ้าน(Home bleaching)
ข้อดี
1. เสียวฟันน้อยกว่า
2. ปลอดภัย ไม่ทำให้เนื้อฟันบางลง
3. สามารถทำได้เองที่บ้าน
ข้อเสีย
ฟันจะขาวขึ้นช้ากว่าแบบฟอกในคลินิก
Pros and Cons of In-office teeth whitening technique
ขั้นตอนการฟอกสีฟันในคลินิก (in office bleaching or teeth whithening)
ขั้นตอนการฟอกสีฟัน
1. คุณหมอจะทำการประเมินว่าจำเป็นต้องมีการขูดหินปูน หรืออุดฟันก่อนหรือไม่ เพราะ หินปูนจะขัดขวางการแทรกซึมของน้ำยา
2. คุณหมอจะทำการขัดฟัน เทียบสีฟันก่อนฟอก และทำการปกป้องเหงือกและเนื้อเยื่อโดยรอบ เพื่อป้องกันอันตรายจากน้ำยา
3. เป่าผิวฟันให้แห้งและทำการทาน้ำยาลงบนผิวฟัน
4. กระตุ้นการทำงานของน้ำยาด้วยแสง โดยจะฟอกประมาณ 2 รอบ รอบละ 20 นาที
5. คุณหมอจะทำการกำจัดน้ำยาออกจากผิวฟัน และเอาที่ปกป้องเหงือกออก
6. เทียบสีฟันก่อนและหลังฟอกสีฟันให้คนไข้เห็น
วิธีการฟอกสีฟันที่บ้าน(Home Bleaching)
วิธีการฟอกสีฟันที่บ้าน
1. มาพบทันตแพทย์เพื่อพิมพ์ปากทำถาดฟอกสีฟัน
2. มารับถาดฟอกสีฟันและน้ำยาฟอกสีฟัน
3. ก่อนทำการฟอกสีฟันควรแปรงฟันให้สะอาดเพื่อให้น้ำยาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ใส่น้ำยาลงบนถาดฟอกสีฟันที่แห้งสนิท 1-2 หยดเป็นทางยาวจากฟันกรามน้อยด้านหนึ่งถึงอีกด้านหนึ่ง โดยไม่ควรใส่น้ำยาเยอะเกินไป
5. ใส่ถาดฟอกสีฟัน และกดให้แนบกับฟัน หากมีน้ำยาส่วนเกินให้ใช้ก้านสำลีชุบน้ำเช็ดน้ำยาส่วนเกินออก
6. ใส่ถาดฟอกสีฟันไว้อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง สามารถฟอกติดต่อกันได้ทุกวันจนได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ หลังจากได้ผลที่พอใจแล้วให้ฟอกเดือนละ 1-2 ครั้งเพื่อคงระดับความขาวของฟันไว้
7. บ้วนปากด้วยน้ำสะอาด
8. ทำความสะอาดถาดฟอกสีฟัน และปล่อยไว้ให้แห้งก่อนเก็บใส่กล่อง และนำน้ำยาฟอกสีฟันแช่ไว้ในตู้เย็น
ซื้อน้ำยาฟอกสีฟันมาทำเองอันตรายมั้ย?
การซื้อถาดฟอกสีฟันสำเร็จรูปที่มีขายตามท้องตลาดนั้นจะไม่พอดีกับรูปฟันของแต่ละคน ทำให้มีโอกาสที่น้ำยาจะไหลซึมมาทำอันตรายต่อเหงือกและเนื้อเยื่อโดยรอบได้
ฟอกสีฟันที่บ้านแล้วเสียว ทำยังไง?
หากฟอกสีฟันทุกวันแล้วเสียวแนะนำให้เว้นระยะห่างโดยฟอกวันเว้นวันแทนค่ะ และแนะนำให้ใช้ยาสีฟันแก้เสียวฟันควบคู่กันไปด้วย
ฟอกสีฟันตอนไหนดี?
สามารถทำเวลาไหนก็ได้ แต่ทันตแพทย์มักแนะนำให้ทำเวลากลางคืนขณะหลับ เพื่อให้น้ำยาฟอกสีฟันได้สัมผัสฟันต่อเนื่อเป็นเวลา 6-8 ชั่วโมง
ฟอกสีฟันแบบไหนดีกว่า?
ทั้งสองวิธีมีข้อดีคนละแบบ ฟอกสีฟันในคลินิกทำให้ฟันขาวขึ้นทันทีหลังทำ แต่วิธีฟอกสีฟันที่บ้านก่อให้เกิดอาการเสียวได้น้อยกว่า อย่างไรก็ตามสามารถทำ 2 วิธีควบคู่กันได้เพื่อรักษาระดับความขาวของฟันจากการฟอกในคลินิก